ในยุคที่กระแสเกาหลียังแรงดีไม่ตก ใครก็อยากมีโอกาสไปเที่ยวเกาหลีสักครั้ง และเมืองท่าหน้าด่านอันดับแรกคงไม่พ้นกรุงโซล เมืองหลวงเก่าแก่ของเกาหลีใต้ ศูนย์กลางการปกครอง การค้า การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม เทคโนโยลีและการสื่อสาร ถือเป็นจุดศูนย์รวมแห่งสรรพสิ่งของความเป็นเกาหลี การได้ท่องเที่ยวกรุงโซล ถือเป็นการสัมผัสเกาหลีตั้งแต่หน้าบ้านไปถึงหลังบ้านเลยทีเดียว กรุงโซลเป็นเมืองใหญ่ มีพื้นที่กว่า 600 ตารางกิโลเมตร โดยมีแม่น้ำฮันพาดผ่านแบ่งเมืองออกเป็น 2 ส่วน คือ ตอนเหนือของแม่น้ำ (กังบก) และตอนใต้ของแม่น้ำ (กังนัม) เช่นเดียวกับเมืองหลวงใหญ่ๆหลายแห่งในโลกรวมทั้งกรุงเทพมหานครที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกลางของเรา
กรุงโซล เป็นที่ผสมผสานความเก่าและความใหม่ ศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันเก่าแก่กับเทคโนโยลีล้ำยุค บ้านเมืองและผู้คนอันทันสมัย ท่ามกลางกระแสเกาหลีอันโดดเด่น ตลอดจนมีย่านธุรกิจ อาคารสูงทันสมัย ตลาดพื้นเมือง ชุมชน สวนสาธารณะ วัด วัง และสารพัดสิ่งที่น่าดู น่าสัมผัสและเรียนรู้
1 พระราชวังเคียงบกและพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (Gyeongbokgung & National Folk Museum of Korea)
แม้ว่า ปัจจุบันเกาหลีจะไม่ได้ปกครองด้วยระบบกษัตริย์แล้ว แต่ประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศนี้ เจริญก้าวหน้ามาจากการพัฒนาของกษัตริย์ในราชวงศ์ต่างๆในอดีต หากต้องการรู้จักเกาหลีให้ถึงแก่นแท้แล้ว คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม ประเพณีและวิถีชีวิตดั้งเดิมอันเป็นพื้นฐานรากเหง้าของประเทศนี้ พระราชวังเคียงบกและพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งที่คุณสามารถเรียนรู้สิ่งที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้น
พระราชวังเคียงบก (Gyeongbokgung) แปลว่า “ พระราชวังแห่งพรที่ส่องสว่าง ” (The Palace of Shining Blessings) เป็นหนึ่งในห้าพระราชวังในกรุงโซลอันสวยงามที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด ถูกสร้างขึ้น ในปี ค.ศ.1394 โดยกษัตริย์แทโจ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอน (ค.ศ.1392-1910) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงโซล
ภายในพระราชวังอันกว้างขวางถึง 5.4 ล้านตารางฟุต เมื่อเดินผ่านประตูกวางฮวามุน (Gwanghwamun) อันทางเข้าหลักที่กว้างขวางของพระราชวังเข้าไปแล้ว ท่านจะพบกับพระที่นั่งคึนจองจอน (Geunjeongjeon) อันเป็นที่ว่าราชการของกษัตริย์ในอดีต พระตำหนักเคียงฮวยรู (Gyeonghoeru) ตำหนักกลางน้ำที่ใช้สำหรับสถานที่จัดงานเลี้ยงในโอกาสสำคัญ นอกจากนี้ ก็มีหมู่อาคารตำหนักต่างๆสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบเกาหลีดั้งเดิมแวดล้อมด้วยสวนอันร่มรื่น ด้านหลังพระราชวัง มีพระตำหนักยางวอนจอง (Hyangwonjeong) เป็นศาลาเหลี่ยมบนเกาะกลางน้ำ ฉากหลังเป็นยอดเขามังกรของอุทยานแห่งชาติพูกันซานเป็นฉากหลัง
ในสมัยราชวงศ์โชซอน พระราชวังเคียงบกมีตำหนักอาคารมากถึง 200 อาคาร แต่ถูกกองทัพญี่ปุ่นรุกราน ในปี ค.ศ.1592 (พ.ศ.2135) ตำหนักต่างๆถูกเผาและทำลายเป็นจำนวนมาก ก่อนจะได้รับการบูรณะซ่อมแซมอาคารหลักๆขึ้นใหม่ในแบบดั้งเดิม ปัจจุบันมีตำหนักทั้งสิ้น 10 ตำหนัก
ด้านหลังของพระราชวังเคียงบก เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านแห่งชาติเกาหลี (National Folk Museum of Korea) ภายในจัดแสดงวิถีการดำเนินชีวิตของคนเกาหลีในสมัยโบราณตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยราชวงศ์โชซอน จัดแสดงขนบธรรมเนียม ประเพณี การแต่งกายและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเกาหลีกว่า 4,000 ชิ้น เรียกได้ว่า ถ้าได้เที่ยวชมพิพิธภัณฑ์นี้แล้ว จะเข้าใจความคิดและจิตวิญญาณดั้งเดิมทางวัฒนธรรมของเกาหลีอย่างชัดเจน เมื่อไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หรือวัฒนธรรมอื่นๆก็จะมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
(เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร ค่าบัตร คนละ 3,000 วอน เข้าชมได้ทั้งพระราชวังและพิพิธภัณฑ์)