한국도 여름을 맞았다. 가까운 곳에 피서를 갈 만한 곳이 없을까, 고민하던 차에 한 통의 전화를 받았다. 같이 수업을 듣는 일본인 친구였다. "수원에 있는 대장금 촬영지에 놀러 가자!" 

아침 일찍 지하철 1호선을 타고 수원으로 출발했다. 이동 시간이 좀 걸렸지만, 지루하진 않았다. 지하철 객차에서 물건을 파는 상인들을 구경하느라 시간 가는 줄 몰랐다. 다양한 종류의 생필품을 팔았는데, 파는 방식이 재밌고 색달랐다. 

수원역에 도착한 다음, 다시 버스를 타고 화성으로 갔다. 멋진 성곽을 따라 걸으면서 사진도 찍고, 즐거운 시간을 보냈다. 배경이 훌륭해서인지 찍은 사진들이 하나 같이 멋졌다. 

멀지 않은 곳에 있는 화성행궁도 찾아 갔다. 한복 체험 등 다양한 프로그램이 마련돼 있었다. 한국의 궁궐은 태국과 여러모로 다른 점이 많아서 신기하고 재미났다. 우리는 마치 진짜 대장금이 된 양 촬영지 이곳저곳을 둘러봤다. 

마지막 일정은 수원 시내 구경이었다. 재래시장에 들려 옷, 신발, 화장품 등을 구경했다. 태국에서는 보지 못했던 과일이나 채소가 많았다. 상인들은 대부분 아주머니들이었다. 요깃거리로 떡볶이와 뜨거운 오뎅 국물도 먹었다. 그 맛은 정말 말로 표현하기 힘들 정도로 훌륭했다. 

이번 여행을 통해 서울과는 사뭇 다른 한국 지방 도시의 풍경, 그리고 한국 아주머니들의 다양한 모습들을 볼 수 있었던 것 같다. 이런 게 바로 여행이 주는 묘미가 아닐까. 

Story & Photo I Rin-noy-hoy-sung

ชีวิตฉันในแดนกิมจิ

ร้อนนี้ตะลุยซูวอนดีกว่า

    หน้าร้อนหรือเนี่ย พึมพำกับตัวเองเงียบๆ ทำไมมันยังเย็นสบายอยู่เลย ถ้าเป็นเมืองไทยตับแลบไปแล้ว ออกไปหาที่เที่ยวข้างนอกดีกว่านอนอืดอยู่บ้าน แต่ว่าจะไปไหนดี ขอใกล้ๆ เดินทางสะดวก ติ๊กต่อกติ๊กต่อก~~ ทันใดนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงสวรรค์ของเราเลย เพื่อนญี่ปุนในคลาสเรียนเดียวกันโทรมาชวนไปเที่ยวซูวอน บอกว่าจะพาไปเที่ยวที่ถ่ายทำแดจังกึม ซีรีส์ดังที่รู้จักกันทั่วเอเชีย ถือว่าเป็นซีรีส์แรกๆ ที่ทำให้คนไทยรู้จักละครเกาหลีก็ว่าได้

    และแล้วเช้าวันที่รอคอยก็มาถึง หลังจากที่นอนเหี่ยวแห้งในห้องมานาน รีบไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายที่ 1 ใช้เวลาในการเดินทางนานมากแต่ก็โอเค เพราะในรถไฟฟ้ามีคุณลุงคุณป้ามาขายของ นั่งฟังเพลินๆ ก็ไม่ค่อยเบื่อเท่าไหร่ คุณลุงคุณป้ามีวิธีการขายของแปลกๆ เช่นพอพูดแนะนำของที่ขายเรียบร้อยก็แจกโบร์ชัวร์ บ้างก็เอาโบร์ชัวร์มาแขวนคอแล้วก็หมุนไปหมุนมา ของที่ขายก็ประมาณของที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซีดีสอนหนังสือเด็กๆ นั่งดูเพลิน ป้ายหน้าเป็นสถานีซูวอนแล้ว ถึงเวลาลงเพื่อท่องเกาหลีแล้วจ้า

    พอออกจากสถานีก็ขึ้นรถเมล์สาย 2, 7, 7-2, 8, 13 เพื่อเดินทางไปป้อมฮวาซอง บอกเลยว่าป้ายรถเมล์หาไม่ยาก ออกมาเจอเลย พอลงจากรถได้ก็รีบเดินไปที่ตรงป้อม อากาศกำลังดีสำหรับคนไทยอย่างเรา ขอย้ำว่าสำหรับคนไทย แต่ถ้าเป็นเกาหลีเขาต้องบอกว่าร้อนแน่นอน ในบริเวณป้อมก็มีกิจกรรมให้กับนักท่องเที่ยว แต่ว่าไม่ค่อยมีผู้ใหญ่เล่นกัน มีแต่เด็กๆ เท่านั้น สรุปคือได้แต่ยืนดูความน่ารักของเด็กเกาหลีที่แก้มแดงเป็มแอปเปิลเพราะความร้อน ยืนอยู่สักครู่ก็รีบเดินขึ้นไปชมวิว ชมกำแพงเมือง และที่ขาดไม่ได้คือถ่ายรูปตามสไตล์คนไทย ขอบอกเลยว่าถ่ายรูปออกมาสวยมาก อากาศก็ดีสุด พอเดินเหนื่อยก็หิว เลยหาข้าวเที่ยงรองท้องก่อนไปชมพระราชวังฮวาซองแฮงกุง

    พระราชวังฮวาซองแฮงกุงอยู่ใกล้ๆ กับป้อมฮวาซองเลยไม่ต้องนั่งรถ เดินไปก็ถึง ที่นี่มีค่าเข้านะคะ คนละ 1,500 วอน พอเข้าไปภายในพระราชวังก็มีกิจกรรมให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นสวมชุดฮันบก การแสตมป์ตราประทับแต่ละจุด บอกเลยว่าสนุกมาก เพราะพระราชวังของที่เกาหลีไม่เหมือนกับบ้านเรา เดินชมไปถ่ายรูปไป ทำท่าเป็นนางในเสมือนหนึ่งกำลังเป็นแดจังกึมกันว่างั้น พอออกจากตัวพระราชวังก็เจอฝูงชนกำลังมุงดูอะไรกัน ด้วยความเป็นคนขี้สงสัยเลยสอบถามกับกลุ่มป้าๆ ที่ยืนซุบซิบกันอยู่ ได้ความว่าเขากำลังถ่ายละครกันอยู่จ้า ดาราที่เข้าฉากเป็นนักแสดงชื่อดัง ด้วยเหตุนี้จะพลาดได้ไง ต้องยืนดูซะหน่อย แต่ว่าไม่รู้จักเลยสักคน ยืนดูไปก็เท่านั้น ไปถ่ายรูปเป็นแดจังกึมดีกว่า

    หลังจากชมพระราชวังอยู่เป็นนานสองนาน เพื่อนสาวก็ชวนให้เดินชมเมืองซูวอน ได้แวะเดินตลาดสด ข้างในตลาดก็จะเหมือนตลาดสดตามต่างจังหวัดของไทย แล้วก็มีร้านขายเสื้อผ้า ร้านรองเท้า ร้านเครื่องสำอาง ทางเท้าที่เป็นถนนคนเดินขนาดใหญ่ก็จะมีรถขายผักบ้างขายผลไม้บ้าง หรือบ้างก็ปูผ้าแล้วขายถั่วงอกหัวโต มะเขือเทศ ผักหน้าตาแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นในไทย คนส่วนใหญ่ที่มาเดินดูก็เป็นอาจุม่าทั้งนั้น สนุกไปอีกแบบ ได้สัมผัสชีวิตเกาหลีที่เป็นเกาหลีจริงๆ ระหว่างทางก็แวะทานต๊อกบกกี ยืนกินไปคุยกันไป ซดน้ำร้อนๆ ฟินสุดแบบไม่สามารถบรรยายได้เลย แล้วสองข้างทางที่เดินผ่านเพื่อจะไปขึ้นรถไฟกลับโซลก็มีร้านค้าเรียงราย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายชุดนักเรียนของเด็กเกาหลี ร้านขายของมือสอง ร้านถ่ายเอกสาร บอกตามตรงทริปนี้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตคนเกาหลีจริงๆ เช่นการจับจ่ายซื้อของของแม่บ้านเกาหลี การขายของที่บอกได้เลยว่าฮาร์ดเซลสุดๆ บ้านเรือนต่างจังหวัดที่ไม่เหมือนในโซล และอื่นๆ อีกมากมาย นี่สิหนาที่เขาเรียกกันว่าเสน่ห์ของการเดินทางด้วยตัวเอง......